ทฤษฎีของ Micheal Hammer
จัดทำโดย
นายจักรกฤษณ์ โพธิรัตน์เรืองกูล
รหัสนักศึกษา 61450613
นักศึกษาปริญญาโท หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต
(M.B.A)
วิทยาลัยบัณฑิตศึกษาด้านการจัดการ
นำเสนอ
รองศาสตราจารย์ ดร.วิชิต อู่อ้น
ส่วนหนึ่งของรายวิชาเรียน MGT523 องค์การและการจัดการทรัพยากรมนุษย์
มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตขอนแก่น
ทฤษฎีของ Micheal Hammer
1. หลักการ/แนวคิด/ประวัติความเป็นมา
การรื้อปรับระบบ (Re-engineering)
James Champy และ Michael
Hammer ท่านทั้ง 2 ได้เขียนหนังสือที่โด่งดังมากในยุคนี้ชื่อ “Reengineering
the Corporation” (1993)
เสนอแนวคิดว่า “ถ้าองค์การจะอยู่รอดและสามารถแข่งขันได้ในอนาคต
ผู้บริหารจะต้องตัดสินใจ
1.เปลี่ยนแปลงองค์การอย่างถอนรากถอนโคน (Radical
Change)
2.
โดยปรับการดำเนินงานจากการปฏิบัติงานตามหน้าที่เป็นการบริหารงานตามกระบวนการธุรกิจ (Business
Process Management)
2.เครื่องมือนี้คืออะไร/มีองค์ประกอบอะไร
1. การกำหนดสิ่งที่องค์กรจำเป็นต้องทำ โดยใช้กลยุทธ์เป็นตัวนำ
2. การสร้างสิ่งที่เป็นแบบจำลองของการบริหารงาน
คือ การกำหนดวิสัยทัศน์ (Vision)
ที่ค่อนข้างจะเป็นไปได้ในอนาคตและมีความชัดเจน
3. กระบวนการหลักของการบริหารองค์กร
4. การออกแบบกระบวนการใหม่
โดยออกแบบกระบวนการจากภายนอก เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า
ซึ่งเป็นปัจจัยนำไปสู่ความสำเร็จ
5. การนำกระบวนการใหม่ไปปฏิบัติอย่างจริงจัง .
โดยต้องริเริ่มและการบังคับบัญชา โดยผู้บริหารระดับสูง
3.เครื่องมือนี้ใช้เพื่ออะไร
1. ยกระดับโครงสร้างขององค์กร
2. ปรับกระบวนการทำงาน การไหลของข้อมูล (work
flow)
3. ปรับภาพลักษณ์องค์กร
4. สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้ามากขึ้น
4.ข้อดี/ข้อเสียของเครื่องมือ
ข้อดี 1.มุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญอันจะนำไปสู่ให้ลูกค้าพึงพอใจมากขึ้น
2. เป็นการปรับเปลี่ยนแนวคิดใหม่ทั้งหมดในการทำงาน
3. เจ้าหน้าที่หรือพนักงานสามารถทำงานได้อย่างเป็นอิสระมากขึ้น
4. แนวคิดในการนำเทคโนโลยีสารสนเทศ
มาใช้ในการปรับปรุงงานให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่
5. เป็นวิธีการปรับปรุงที่ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงกระบวนการ (process) เป็นสำคัญ
ข้อเสีย 1.
แฮมเมอร์ ยอมรับว่าแนวคิดนี้ได้ละเลยเรื่องคนในองค์กร
การนำรีเอ็นจิเนียริ่งไปใช้ในหลายหน่วยงาน มีการปลดพนักงานออกจำนวนมาก เกิดผลกระทบ และพนักงานที่เหลือก็มีขวัญกำลังใจตกต่ำ
เน้นความสำคัญกับลูกค้าภายนอกกมากกว่าลูกค้าภายใน (internal customer) หรือคนในองค์กร
2. ขาดการนำเรื่องวัฒนธรรมองค์การมาพิจารณาประกอบในการปรับปรุงองค์กร
3.
รีเอ็นจิเนียริ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ซึ่งดำเนินการได้ฉับพลันจึงยากที่จะนำไปปฏิบัติให้เกิดความสำเร็จ
นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงในการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างสูงอีกด้วย
4. เป็นแนวคิดในลักษณะ Rational
Approach ซึ่งมีสมมุติฐานแฝงว่า องค์การมีลักษณะเป็นเอกภาพ
ที่สามารถปรับปรุงกระบวนการได้โดยไม่มีปัญหาเรื่องแรงเสียดทาน
หรือความขัดแย้งของกลุ่มต่างๆ อย่างใด ซึ่งในสภาพความเป็นจริงองค์กรที่จะมีลักษณะเป็นหนึ่งเดียวกันอาจจะไม่มี
หรือมีไม่มาก
5. มีลักษณะเป็นการเปลี่ยนแปลงจากระดับสูงลงมา (top - down) ขาดการมีส่วนร่วมจากระดับล่าง ทำให้พันธะผูกพันในการเปลี่ยนแปลงมีน้อย
5. ใช้อย่างไร (หรือจัดทำอย่างไร)
1. เปรียบเทียบและวิเคราะห์กระบวนการแบบเดิม
2. ออกแบบกระบวนการทำงานใหม่
3. นำอุปกรณ์เทคโนโลยีใหม่ ๆ
มาใช้เพื่อตอบสนองงานแบบใหม่
4. ฝึกอบรมบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถในการทำงานแบบใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และต่อเนื่อง
6. มีใครนำเครื่องมือนี้ไปใช้บ้างและได้ผลสรุปอย่างไร
ธนาคารกสิกรไทย
ต้องการเป็นธนาคารที่ให้บริการครบวงจร (Universal Banking) จึงมีการนำ Reengineering มาใช้
โดยให้ความสำคัญกับการตอบสนองความต้องการของลูกค้า การบริการที่รวดเร็ว
มีการเปิดตัวกลุ่มทางการเงิน "K Excellence" และได้ปรับเปลี่ยนชื่อเรียกธนาคารใหม่ในภาษาอังกฤษว่า ธนาคารกสิกรไทย Kasikorn Thai Bank หรือพยายามใช้ชื่อย่อว่า K-Bankโดยพยายามเน้นที่ตัว K ซึ่งก็คือ กสิกร
ให้มีความโดดเด่น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น